คำเทศนา: ความรักมั่นคงของพระเจ้า (โฮเชยา 1-3)
โฮเชยา 1-4:10
Thai New Contemporary Bible (TNCV)
1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า+ซึ่งมีมาถึงโฮเชยาบุตรเบเออรีในรัชกาลอุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ และในรัชกาลเยโรโบอัมบุตรกษัตริย์เยโฮอาช[a]แห่งอิสราเอล
ภรรยากับลูกๆ ของโฮเชยา
2 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า+เริ่มตรัสผ่านโฮเชยานั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า+ตรัสกับเขาว่า “จงไปรับหญิงเจ้าชู้มาเป็นภรรยา และรับลูกๆ ที่เกิดจากความไม่ซื่อสัตย์ของนางมาด้วย เพราะว่าดินแดนนี้มีความผิดฐานล่วงประเวณีอย่างร้ายแรงที่สุดโดยการละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า+” 3 ฉะนั้นโฮเชยาจึงแต่งงานกับโกเมอร์ธิดาของดิบลาอิม นางก็ตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้แก่เขา
4 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้า+ตรัสกับโฮเชยาว่า “จงเรียกชื่อเด็กคนนี้ว่ายิสเรเอล เพราะในไม่ช้าเราจะลงโทษวงศ์วานของเยฮูเนื่องด้วยการประหารครั้งใหญ่ที่ยิสเรเอล และเราจะปิดฉากอาณาจักรอิสราเอลลง 5 ในวันนั้นเราจะหักธนูของอิสราเอลในหุบเขายิสเรเอล”
6 โกเมอร์ก็ตั้งครรภ์อีกและคลอดบุตรสาว แล้วพระองค์ตรัสกับโฮเชยาว่า “จงเรียกเด็กคนนี้ว่าโลรุหะมาห์[b] เพราะเราจะไม่แสดงความรักต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีกต่อไป เราจะไม่อภัยให้พวกเขา 7 แต่เราจะแสดงความรักต่อพงศ์พันธุ์ยูดาห์และจะช่วยพวกเขา ไม่ใช่ด้วยธนู ดาบ สงคราม หรือด้วยม้าและพลม้า แต่โดยพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา”
8 หลังจากที่ให้โลรุหะมาห์หย่านมแล้ว โกเมอร์ก็มีบุตรชายอีกคนหนึ่ง 9 แล้วพระองค์ตรัสว่า “จงเรียกเขาว่าโลอัมมี[c] เพราะพวกเจ้าไม่ใช่ประชากรของเราและเราไม่ใช่พระเจ้าของเจ้า 10 “ถึงกระนั้นชนชาติอิสราเอลจะเป็นเหมือนเม็ดทรายที่ชายทะเลซึ่งตวงนับไม่ได้ ในที่ซึ่งพระเจ้าตรัสแก่เขาว่า ‘เจ้าไม่ใช่ประชากรของเรา’ พวกเขาจะได้ชื่อว่า ‘บุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่’ 11 ประชากรยูดาห์และอิสราเอลจะถูกรวมเข้าด้วยกันอีก และพวกเขาจะแต่งตั้งผู้นำคนหนึ่งและจะพากันออกมาจากแผ่นดินนั้น เพราะวันแห่งยิสเรเอลจะยิ่งใหญ่
2 “จงเรียกน้องชายของเจ้าว่า ‘ประชากรของเรา’ และเรียกพี่สาวของเจ้าว่า ‘ผู้เป็นที่รักของเรา’
อิสราเอลถูกลงโทษและกลับสู่สภาพดี
2 “จงตำหนิมารดาของเจ้า จงตำหนินางเถิด
เพราะนางไม่ใช่ภรรยาของเรา
และเราไม่ใช่สามีของนาง
ให้นางทิ้งความยั่วยวนจากใบหน้าของนาง
และทิ้งความไม่ซื่อสัตย์จากอกของนางเถิด
3 มิฉะนั้นเราจะเปลื้องนางให้เปลือยเปล่า
ล่อนจ้อนเหมือนวันที่นางเกิดมา
เราจะทำให้นางเหมือนถิ่นกันดาร
ให้นางเป็นดินแดนแห้งผาก
และประหารนางด้วยความกระหาย
4 เราจะไม่แสดงความรักต่อลูกๆ ของนาง
เพราะเป็นลูกชู้
5 แม่ของเขาไม่ซื่อสัตย์
และให้กำเนิดพวกเขามาอย่างน่าอดสู
นางกล่าวว่า ‘ฉันจะตามบรรดาชู้รักไป
เขาให้อาหารและน้ำ
ให้ขนสัตว์ ผ้าลินิน น้ำมัน และเครื่องดื่มแก่ฉัน’
6 ฉะนั้นเราจะเอาพุ่มหนามกีดขวางหนทางของนาง
เราจะล้อมกรอบจนนางหมดทางไป
7 นางจะวิ่งไล่ตามชู้รัก แต่ไม่ทัน
นางจะเสาะหาพวกเขา แต่ไม่พบ
แล้วนางจะบอกว่า
‘ฉันจะกลับไปหาสามีคนแรกของฉัน
เพราะเมื่อก่อนฉันมีชีวิตที่ดีกว่านี้มากนัก’
8 นางไม่รับรู้ว่าเรานี่แหละ
คือผู้ที่ให้เมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันแก่นาง
คือผู้ที่ให้เงินและทอง
ซึ่งพวกเขาใช้บูชาพระบาอัล
9 “ดังนั้นเราจะริบเมล็ดข้าวของเราเมื่อมันสุก
และริบเหล้าองุ่นใหม่เมื่อได้ที่แล้ว
เราจะเอาผ้าขนสัตว์และผ้าลินินของเราคืน
ซึ่งเราตั้งใจให้นางไว้ปกปิดความเปลือยเปล่าของนาง
10 ดังนั้นในบัดนี้เราจะแฉความสำส่อนของนาง
ต่อหน้าชู้รักทั้งหลาย
และจะไม่มีผู้ใดช่วยนางให้พ้นมือเราไปได้
11 เราจะยุติงานฉลองทั้งปวงของนาง
ได้แก่เทศกาลประจำปีทั้งหลาย วันขึ้นหนึ่งค่ำและวันสะบาโต
ทั้งหมดนี้เป็นเทศกาลตามกำหนดของนาง
12 เราจะทำลายบรรดาเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของนาง
ซึ่งนางกล่าวว่าชู้รักให้มาเป็นค่าตัว
เราจะทำให้มันกลายเป็นพุ่มหนาม
และสัตว์ป่าทั้งหลายจะเข้ามารุมกิน
13 เราจะลงโทษนาง
ที่นางเผาเครื่องหอมบูชาแก่พระบาอัลในวันเหล่านั้น
นางประดับกายด้วยแหวนและเพชรพลอยแพรวพราว
แล้วโลดแล่นตามชู้รักไป
แต่นางกลับลืมเรา”
องค์พระผู้เป็นเจ้า+ประกาศดังนั้น
14 “ดังนั้นเรากำลังจะเกลี้ยกล่อมนาง
เราจะพานางเข้าไปในถิ่นกันดาร
และพูดกับนางอย่างอ่อนโยน
15 ที่นั่นเราจะคืนสวนองุ่นแก่นาง
และจะทำให้หุบเขาอาโคร์[d]กลายเป็นประตูแห่งความหวัง
ที่นั่นนางจะร้องเพลง[e]เหมือนเมื่อครั้งแรกรุ่น
เหมือนวันที่นางออกมาจากอียิปต์”
16 องค์พระผู้เป็นเจ้า+ประกาศแก่ชาวอิสราเอลว่า
“ในวันนั้นเจ้าจะเรียกเราว่า ‘สามีของฉัน’
และไม่เรียกว่า ‘นายของฉัน[f]’ อีกต่อไป
17 เราจะกำจัดชื่อของพระบาอัลออกจากริมฝีปากของนาง
จะไม่มีการเอ่ยถึงชื่อเหล่านี้อีกต่อไป
18 ในวันนั้นเราจะทำพันธสัญญา
กับสัตว์ในท้องทุ่ง นกในอากาศ
และสัตว์ที่เลื้อยคลานเพื่อพวกเจ้า
เราจะกำจัดธนู ดาบ และสงคราม
ให้หมดสิ้นจากดินแดนนี้
เพื่อทุกชีวิตจะอยู่อย่างปลอดภัย
19 เราจะหมั้นเจ้าไว้ให้เป็นของเราชั่วนิรันดร์
เราจะหมั้นเจ้าไว้ใน[g]ความชอบธรรมและความยุติธรรม
ใน[h]ความรักและความเห็นอกเห็นใจ
20 เราจะหมั้นเจ้าไว้ในความซื่อสัตย์
และเจ้าจะรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้า+”
21 องค์พระผู้เป็นเจ้า+ประกาศว่า
“ในวันนั้นเราจะตอบสนอง
โดยเราจะทำให้ท้องฟ้าเกิดฝน
ตามคำเรียกร้องของแผ่นดิน
22 และจะให้ผืนดินเกิดเมล็ดข้าว
เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน
ตามคำเรียกร้องของยิสเรเอล [i]
23 เราจะปลูกนางไว้ในดินแดนนั้นเพื่อเรา
เราจะแสดงความรักแก่ผู้ที่เราเรียกว่า ‘ไม่เป็นที่รักของเรา[j]’
เราจะเรียกผู้ที่ ‘ไม่ใช่ประชากรของเรา[k]’ ว่า ‘เจ้าคือประชากรของเรา’
และพวกเขาจะเรียกเราว่า ‘พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา’ ”
โฮเชยาคืนดีกับภรรยา
3 องค์พระผู้เป็นเจ้า+ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงไปแสดงความรักแก่ภรรยาของเจ้าอีกครั้ง แม้ว่ามีคนอื่นรักนางอยู่และนางคบชู้ จงรักนางเหมือนที่องค์พระผู้เป็นเจ้า+ทรงรักชนอิสราเอล แม้ว่าพวกเขาหันไปหาพระอื่นๆ และรักขนมลูกเกดที่ถวายแก่พระเหล่านั้น”
2 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงซื้อตัวนางคืนมาด้วยเงินหนัก 15 เชเขล[l] และข้าวบาร์เลย์ประมาณ 330 ลิตร[m] 3 ข้าพเจ้าจึงบอกนางว่า “เจ้าจะต้องอยู่กับเราหลายวัน เจ้าต้องเลิกทำตัวเป็นโสเภณี และไม่ทำตัวใกล้ชิดกับชายใดๆ แล้วเราจะอยู่กับ[n]เจ้า”
4 ฉะนั้นชาวอิสราเอลจึงอยู่โดยไม่มีกษัตริย์หรือเจ้านาย ไม่มีการถวายเครื่องบูชาหรือมีศิลาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเอโฟดหรือรูปเคารพเป็นเวลานาน 5 หลังจากนั้นชนชาติอิสราเอลจะกลับมาแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาและดาวิดกษัตริย์ของเขา พวกเขาจะตัวสั่นเข้ามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า+และกลับมาหาพระพรของพระองค์ในบั้นปลาย
ข้อกล่าวหาต่ออิสราเอล
4 ชนอิสราเอลทั้งหลาย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า+
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า+ทรงมีข้อกล่าวหา
ต่อเจ้าผู้อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ ความว่า
“ในดินแดนนี้ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่มีความรัก
ไม่ยอมรับรู้พระเจ้า
2 มีแต่การสาปแช่ง[o] การโกหก และการเข่นฆ่า
การลักขโมย และการล่วงประเวณี
พวกเขาละเมิดพันธะผูกพันต่างๆ
และเข่นฆ่ากันครั้งแล้วครั้งเล่า
3 ด้วยเหตุนี้แผ่นดินจึงโศกเศร้าคร่ำครวญ[p]
และทุกคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ก็เสื่อมสูญไป
สัตว์ในท้องทุ่ง นกในอากาศ
และปลาในทะเลกำลังจะตายไป
4 “แต่อย่าให้ใครฟ้องร้อง
อย่าให้ใครกล่าวโทษคนอื่น
เพราะประชากรของเจ้า
ก็เป็นเหมือนคนที่ฟ้องร้องกล่าวโทษปุโรหิต
5 เจ้าสะดุดล้มทั้งวันทั้งคืน
และบรรดาผู้พยากรณ์ก็สะดุดล้มไปกับเจ้า
ฉะนั้นเราจะทำลายมารดาของเจ้า
6 ประชากรของเราถูกทำลายไปเพราะขาดความรู้
“เนื่องจากเจ้าปฏิเสธความรู้
เราจึงไม่ยอมรับว่าพวกเจ้าเป็นปุโรหิตของเรา
เนื่องจากเจ้าเพิกเฉยต่อบทบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า
เราจึงเพิกเฉยต่อลูกๆ ของเจ้า
7 จำนวนปุโรหิตเพิ่มมากขึ้นเท่าใด
พวกเขาก็ยิ่งทำบาปต่อเรามากขึ้นเท่านั้น
พวกเขาได้แลก[q]องค์ผู้ทรงเกียรติสิริของพวกเขา[r]กับสิ่งที่น่าละอาย
8 พวกเขาเลี้ยงชีพด้วยบาปของประชากรของเรา
และชื่นชอบความชั่วร้ายของพวกเขา
9 และจะเป็นเช่นนี้คือ ประชาชนเป็นอย่างไรปุโรหิตก็เป็นอย่างนั้น
เราจะลงโทษทั้งสองฝ่ายเนื่องด้วยวิถีความประพฤติของพวกเขา
และตอบสนองการกระทำของพวกเขา
10 “พวกเขาจะกิน แต่ไม่อิ่ม
พวกเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเป็นโสเภณี แต่จะไม่มีลูก
เพราะพวกเขาละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้า+
ยอมตัว