อ่านหนังสืออย่างไรให้จบภายใน 1 ชั่วโมง
เขียนโดย Kevin Eastman
การอ่านหนังสืออาจจะฆ่าคนให้ตายได้ แน่นอนว่าผมไม่ได้หมายความว่าการอ่านหนังสือฆ่าคนได้จริงๆ แต่หมายถึงมันทำให้คนรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่านั้น แต่เกิดกับพวกเราทุกคนที่มีใจหิวกระหายในการอ่านและไม่หยุดที่จะเรียนรู้ด้วย
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อนของผมเดินเข้ามาหาผมในที่ทำงานด้วยหน้าตาที่เศร้าสร้อย พร้อมกับบอกผมว่า เขาอาจจะต้องลาออกจากโรงเรียนพระคริสตธรรมแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่สามารถอ่านหนังสือตามที่ได้รับมอบหมายได้ทัน ผมรู้ว่าอะไรจะช่วยเขาได้ ผมจึงขอนัดทานอาหารกลางวันกับเขาในอีกสองสามวันถัดมา
หลายปีที่ผ่านมา ผมได้เห็นอย่างชัดเจนว่าผมติดอยู่กับวิธีการอ่านหนังสือแบบเดิมๆที่น่าเบื่อ พวกเราเคยเรียนวิชาการอ่านสมัยที่อยู่ชั้นประถมและมัธยมต้น แต่เมื่อเราขึ้นมัธยมปลายและมหาวิทยาลัยไม่มีใครพูดถึงวิธีการอ่านหนังสืออีกต่อไป ดังนั้นถึงแม้ว่าปริมาณคำศัพท์ที่เรารู้จะเพิ่มมากขึ้น หรือเราอาจจะอ่านหนังสือได้เร็วขึ้น แต่ทว่าวิธีการอ่านของเรายังคงเป็นเหมือนเดิม
เมื่อถึงวันที่เรานัดทานอาหารกลางวันด้วยกัน ผมได้พาเพื่อนของผมไปด้วย เขาชื่อ สแตน วอร์ด เขาเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องเหมือนพวกศาสตราจารย์ ขณะที่เขากำลังเรียนปริญญาเอกอยู่นั้น เขาต้องเรียนรู้วิธีที่จะอ่านหนังสือมากมายในระยะเวลาอันสั้น และจากที่ผมเห็น ผมคิดว่าเขาทำได้อย่างดีทีเดียว ขณะที่เรากำลังกินแฮมเบอร์เกอร์ด้วยกัน เขาได้ถ่ายทอดความรู้ในเรื่องนี้ให้กับเรา
ให้คุณลองถึงวิธีที่คุณอ่านหนังสือ เมื่อคุณเจอหนังสือเล่มที่คุณอยากอ่าน คุณทำอย่างไร คนส่วนใหญ่จะหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา ชำเลืองดูปกหนังสือ และเริ่มต้นอ่านตั้งแต่หน้าแรกทันที คุณอาจจะพบว่าหนังสือบางเล่มน่าสนใจมากกว่าเล่มอื่นๆ ทำให้มันดึงดูดใจคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่หนังสือบางเล่มไม่ได้เป็นเป็นเช่นนั้น มันอาจไม่น่าสนใจและทำให้การอ่านของคุณไม่ค่อยคืบหน้า และถึงแม้เพื่อนของคุณจะบอกว่า “คุณต้องอ่านไปซัก 2-3 บทก่อน” ผมก็คิดว่าคุณไม่น่าที่อ่านมันต่อไป
การอ่านหนังสือแบบนี้เปรียบเสมือนกับการขับรถในเวลากลางคืนโดยไร้จุดหมายปลายทาง คุณเปิดไฟหน้ารถ และสามารถมองเห็นได้ในระยะ 50 ฟุตข้างหน้าคุณ คุณขับรถไปตามถนน โดยที่ไม่รู้ว่า ถนนที่อยู่หลังโค้งแต่ละโค้งเป็นอย่างไร มันอาจจะเป็นการขับรถที่สนุก แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า คุณกำลังเพลิดเพลินกับการถูกชักนำไปเหมือนคนตาบอด การอ่านประเภทนี้เหมาะกับการอ่านหนังสือประเภทนิยาย
แต่มีวิธีการอ่านที่แตกต่างไปจากนั้น วิธีนี้จะเริ่มต้นโดยการดูแผนที่ก่อน แล้วหาตำแหน่งที่คุณอยู่ในปัจจุบัน จากนั้นดูว่าคุณกำลังจะไปที่ไหน และมองหาเส้นทางที่คุณคิดว่าจะใช้ในการเดินทาง คุณอาจจะต้องไปทางที่อ้อมบ้าง แต่การที่คุณเข้าใจว่าจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางของคุณอยู่ที่ไหนจะนำคุณให้ไปถึงที่หมายได้
ถ้าคุณได้อ่านบทความก่อนหน้านี้ คุณอาจจะจำได้ว่าการอ่านแบบนี้คือการอ่านแบบสำรวจ การอ่านประเภทนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ตามคำแนะนำของเพื่อนผม เราจะสามารถอ่านหนังสือให้จบภายในหนึ่งชั่วโมงได้ โดยจะสามารถอธิบายถึงใจความสำคัญที่ผู้เขียนอยากจะถ่ายทอดออกมาได้อย่างถูกต้อง วิธีการอ่านแบบนั้นทำได้โดย:
1. อ่านหน้าปกหนังสืออย่างละเอียด ให้มองว่ารายละเอียดบนปกหนังสือนั้นเป็นเหมือนกับกรวยใหญ่อันหนึ่ง ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นเป็นส่วนที่กว้างที่สุดของกรวย ให้ลองตอบคำถามเช่น: หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร? ผู้เขียนกำลังพยายามแก้ไขปัญหาอะไร?หัวข้อย่อยของหนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้าง และหัวข้อเหล่านั้นช่วยไขปัญหาข้อก่อนหน้านี้ได้อย่างไร?
2. อ่านปกหลังหนังสืออย่างละเอียด อ่านเหตุผลที่ผู้เขียนคนอื่นๆ ได้เขียนไว้ว่าทำไมคุณควรจะอ่านหนังสือเล่มนี้ ประโยชน์ที่พวกเขาบอกว่าคุณจะได้รับจากหนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้าง ผู้เขียนได้ให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนั้น
3. อ่านสารบัญของหนังสือ การอ่านสารบัญจะทำให้คุณเห็นว่าผู้เขียนกำลังพาคุณไปที่ไหน คุณจะเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าผู้เขียนกำลังเปิดเผยหนทางที่จะไปสู่เป้าหมาย
4. อ่านดัชนีของหนังสือ หนังสือเล่มนั้นได้นำเอาคำกล่าวหรือบุคคลไหนมากล่าวอ้างอยู่เสมอๆ หลังจากที่คุณสังเกตเห็นแล้วให้ลองมองหาชื่อของพวกเขาตลอดหนังสือเล่มนั้น หนังสือทั่วไปไม่ได้มีดัชนีทุกเล่ม ดังนั้นถ้าหนังสือเล่มนั้นไม่มีดัชนีก็ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป
5. อ่านคำนำโดยละเอียด ผู้เขียนหลายคนมักจะอธิบายภาพรวมของหนังสือไว้ในคำนำ ไม่อย่างนั้นก็มักจะบอกถึงเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเขียนหนังสือเล่มนั้น การอ่านคำนำจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลของหนังสือเล่มนั้นอย่างมาก
6. อ่านบทสรุปของหนังสือโดยละเอียด คุณจะได้ค้นพบ “จุดหมายปลายทาง” ของหนังสือเล่มนั้น เป็นที่ที่ผู้เขียนวางแผนจะพาคุณไป เมื่อคุณรู้ปลายทางของคุณแล้ว คุณจะสามารถคาดเดาได้ว่าผู้เขียนจะใช้เส้นทางไหน ขณะที่คุณกำลังอ่านหนังสือ เส้นทางอาจจะเปลี่ยน แต่ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยคุณเองพอเข้าใจแล้วว่าปลายทางของคุณอยู่ที่ไหน
7. อ่านหนังสือทุกหน้าอย่างผ่านๆ ให้สังเกตว่าผมไม่ได้ใช้คำว่า “อย่างละเอียด” ที่นี่ ขั้นตอนนี้คือการที่คุณเดินผ่านหนังสือเล่มนั้น ให้มุ่งความสนใจไปที่หัวข้อของแต่ละบท, ข้อความที่ใช้พิมพ์ด้วยตัวหนา, คำกล่าวที่ถูกยกมา, ข้อความที่พิมพ์ด้วยตัวหนังสือเอียง, ตาราง, แผนภูมิ, ผู้เขียนคนอื่นๆที่คุณได้สังเกตจากดัชนี, และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นคุณสามารถที่จะเลือกอ่านอย่างละเอียดเฉพาะบางบทที่คุณสนใจ
คุณคิดว่าอย่างไร คุณคิดว่าวิธีการอ่านแบบนี้จะช่วยการเรียนรู้ของคุณได้หรือไม่
บทความนี้ถูกแปลจาก "How to Read a Book in an Hour" โดยได้รับอนุญาตจากผู้เขียน Kevin Eastman